ในฤดูฝนหรือช่วงที่สภาพอากาศชื้นและเย็น เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโรคมือเท้าปากที่มักพบในเด็กอายุน้อย แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นเดียวกัน เมื่อพูดถึงโรคนี้ ผู้ปกครองมักจะรู้สึกกังวล เพราะไม่เพียงแต่ทำให้เด็กมีอาการป่วย แต่ยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในบางกรณี การเข้าใจข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคมือเท้าปากในเด็กให้ได้ผลเป็นอย่างดี
อาการ
- ช่วงแรกจะมีไข้ อ่อนเพลีย ในบางรายอาจมีการอาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย
- พบจุดแดงนูนหรือมีน้ำใส ๆ ข้างใน ขึ้นบริเวณช่องปาก ซึ่งจะทำให้เด็กมีอาการเจ็บปวดและเบื่ออาหาร
- ผื่นหรือตุ่มที่มือและเท้า เป็นตุ่มน้ำเล็ก ๆ มีสีแดงหรือสีคล้ำ ขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า บางครั้งที่บริเวณก้น
- อาการทางระบบประสาท บางครั้งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท ซึ่งเกิดขึ้นได้ในอัตราที่ต่ำ แต่ถือว่าเป็นภาวะร้ายแรงและต้องการการรักษาโดยด่วน
การแพร่กระจาย
- ผ่านทางน้ำลาย การหายใจ ไอ จาม หรือการคุยใกล้ ๆ กับผู้ที่ติดเชื้อสามารถทำให้แพร่กระจายได้
- การสัมผัสโดยตรง การสัมผัสกับผื่นหรือตุ่มบนผิวหนังของผู้ที่ติดเชื้อ
- การสัมผัสผ่านสิ่งของ ไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวของสิ่งของ เช่น ของเล่น หรือเครื่องใช้ในห้องน้ำ
- ผ่านทางอุจจาระ ควรล้างมืออย่างถูกวิธีหลังจากการเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือใช้ห้องน้ำ
การป้องกัน
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ โดยเฉพาะหลังจากใช้ห้องน้ำ ก่อนการทานอาหาร หลังจากเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือสัมผัสกับสิ่งของหรือผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส กับผู้ป่วยที่มีอาการ และห้ามใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น แก้ว ช้อน หรือผ้าเช็ดหน้า
- ทำความสะอาด และฆ่าเชื้อบนพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น ของเล่น เครื่องใช้ รวมถึงพื้นในบ้าน
- หลีกเลี่ยงสถานที่คนแออัด ในช่วงที่โรคมือเท้าปากระบาด เช่น สวนสนุก ห้องเรียน หรือที่สาธารณะอื่น ๆ
- ประกาศและแจ้งเตือน ถ้าเด็กในครอบครัวเป็นโรคมือเท้าปาก ควรแจ้งกับทางโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือสถานที่ที่เด็กเข้าร่วมกิจกรรมให้ทราบ เพื่อตรวจสอบและป้องกันการแพร่กระจายต่อ
- สังเกตอาการ หากสงสัยว่ามีอาการโรคมือเท้าปาก ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที
ท้ายที่สุด
โรคมือเท้าปาก อาการส่วนใหญ่จะบรรเทาลงภายใน 7-10 วัน เนื่องจากโรคนี้ติดต่อไปยังผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว สำคัญที่สุดคือ การป้องกันการแพร่กระจาย ซึ่งวิธีการจะอยู่บนพื้นฐานของความสะอาด ควรล้างมือ ทำความสะอาดพื้นผิวและสิ่งของที่สัมผัสบ่อย หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ รวมถึงปฏิบัติตามข้อแนะนำด้านการรักษาสุขอนามัย ทั้งหมดนี้ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรคมือเท้าปากได้เป็นอย่างดี