หลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากอะไร
หลอดเลือดหัวใจตีบหรือการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัว เป็นภาวะที่หลอดเลือดที่นำเลือดออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงหัวใจมีการสะสมของไขมัน แคลเซียม และสารอื่นๆ ทำให้เกิดแผ่นหินปูนภายในหลอดเลือด ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดแคบลงและลดการไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจ การไหลเวียนเลือดที่ลดลงนี้สามารถนำไปสู่อาการเจ็บหน้าอก หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า อาการลิ้นปิดตาย (Angina) และในที่สุดก็อาจนำไปสู่หัวใจวายหากหลอดเลือดถูกอุดตันอย่างสมบูรณ์
วิธีการตรวจหาและประเมินอาการของหลอดเลือดหัวใจตีบ
ประเมินอาการ
- แพทย์จะสอบถามอาการที่คุณประสบ เช่น อาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่สะดวก หรือความเหนื่อยล้า รวมทั้งประวัติการสูบบุหรี่ อาหาร และการออกกำลังกายของคุณ
การตรวจร่างกาย
- แพทย์จะทำการตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ฟังเสียงหัวใจ ตรวจความดันโลหิต และเช็คชีพจร
การทดสอบเลือด
- จะมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาสารบ่งชี้โรค เช่น คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ที่อาจนำไปสู่การสะสมของพลัคในหลอดเลือด
การถ่ายภาพหัวใจ
- การถ่ายภาพเอกซ์เรย์หัวใจ (Chest X-ray): เพื่อดูรูปร่างและขนาดของหัวใจ
- การสวนหัวใจ (Coronary angiography): นำสารทึบแสงเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจเพื่อดูความแคบของหลอดเลือด
- การตรวจอัลตร้าซาวน์หัวใจ (Echocardiogram): ใช้คลื่นเสียงสูงความถี่ตรวจสอบการทำงานของหัวใจ
การทดสอบความเหนื่อยหอบ (Stress test)
- แพทย์อาจให้คุณออกกำลังกายบนลู่วิ่งหรือจักรยาน เพื่อดูการตอบสนองของหัวใจในขณะที่มีการเพิ่มความต้องการออกซิเจน
การตรวจด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan)
- การตรวจ CT Coronary Angiogram ช่วยให้แพทย์สามารถเห็นหลอดเลือดหัวใจและพลัคที่สะสมอย่างชัดเจน
ข้อสรุปสำคัญ
การรับการวินิจฉัยและตรวจเช็คจากแพทย์เป็นประจำช่วยให้สามารถจัดการกับหลอดเลือดหัวใจตีบได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้